วัดท้าวคำวังตั้งอยู่ในเขตอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ มีสถาปัตยกรรมสำคัญคือวิหารทรงพื้นเมือง และพระธาตุทรงปราสาท
มุขเล็กด้านข้างคลุมทางเข้า01 พฤศจิกายน 2551
01 ตุลาคม 2551
วัดพวกหงษ์
วัดพวกหงษ์ อยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ ในเขตคูเมือง เป็นวัดเล็กๆพื้นที่ไม่มากนัก
มีสิ่งน่าสนใจในวัดคือ ธาตุเจดีย์รูปแบบเฉพาะตัว ที่มีอยู่น้อยแห่ง
ธาตุแบบที่เรียกกันว่า เจดีย์ปล่อง ทรงกลม รูปแบบคล้ายเก๋งจีน
แต่ละชั้นที่ซ้อนกันมีซุ้มพระโดยรอบ นอกจากที่วัดพวกหงษ์นี้ ก็จะพบเจดีย์ทรงนี้ได้ที่วัดร่ำเปิงและวัดเจดีย์ปล่องเท่านั้น
วัดนี้มีอุโบสถด้วย เป็นอุโบสถขนาดเล็ก แต่ที่น่าสนใจคือเสมา
เป็นเสมาแบบล้านนา ซึ่งเท่าที่พบก็มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่ยังใช้งานอยู่ นอกนั้นก็จะพบอยู่ในพิพิธภัณฑ์
ต๋อมน้ำแบบดั้งเดิมสำหรับพระ วัดในเมืองทั่วไปไม่เหลือแล้ว ทุบทิ้งไปแล้วเพราะไม่ใช้แล้ว
20 กันยายน 2551
วัดบุพพารามหรือวัดเม็ง
พ.ศ.2041 พญาเมืองแก้ว กษัตริย์ล้านนา โปรดให้สร้างวัดบุพพารามขึ้น ณ บริเวณที่เคยเป็นหมู่บ้านที่พระปัยกาคือพญาติโลกราชและพระบิดาคือพญายอดเชียงรายเคยประทับ ตั้งชื่ออารามนั้นว่า วัดบุพพาราม แปลว่า อารามตะวันออก ด้วยเพราะตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองเชียงใหม่
โปรดให้อาราธนาพระมหาสังฆราชาปุสสเทวะมาจำพรรษาเป็นเจ้าอาวาส ขณะถวายพระอารามให้เป็นทานนั้นเกิดแผ่นดินไหวเป็นที่อัศจรรย์
ย่างเข้าปีที่ 3 เป็นปีมะเมีย ทรงสร้างปราสาทขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมา พอปีที่ 4 ทรงฉลองพระไตรปิฎกฉบับลงทองและหอพระมณเฑียรธรรมที่โปรดให้สร้างขึ้น
ธาตุแบบพม่า สร้างขึ้นในสมัยล้านนายุคหลัง โดยคณะศรัทธาชาวพม่าที่มาตั้งบ้านเรือนค้าขายกับล้านนาเป็นจำนวนมากในย่านนั้น
วิหารไม้หลังเก่าของวัด ทรงสวยแบบล้านนา
วิหารหลังใหม่ที่สร้างใหญ่โตรองรับการใช้งานได้มากกว่า
19 กันยายน 2551
วัดพระสิงห์
เดิมชื่อวัดลีเชียงพระ มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ครั้งราชวงศ์มังรายว่า
เมื่อพญาคำฟู กษัตริย์ล้านนาลำดับที่ 4 สิ้นพระชนม์ที่เมืองเชียงแสน เมืองหลวงของล้านนาในขณะนั้น
พญาผายู โอรสซึ่งขณะนั้นครองเมืองเชียงใหม่ในฐานะอุปราชครองเมืองลูกหลวง ได้เดินทางไปส่งสการพระบิดาที่เมืองเชียงแสน
แล้วนำอัฐิกลับมาบรรจุไว้ที่เมืองเชียงใหม่ โปรดให้ก่อพระเจดีย์คร่อมทับไว้ แล้วโปรดให้สร้างวัดขึ้น ณ ที่นั้น
โปรดให้นิมนต์พระมหาอภัยจุฬาเถระ ซึ่งเป็นประมุขคณะสงฆ์พร้อมลูกศิษย์อีกสิบองค์จากเมืองหริภุญชัยมาจำพรรษาที่วัดนี้
เมื่อล้านนาได้พระพุทธสิหิงค์มาในสมัยพญาแสนเมืองมา พระองค์โปรดให้สร้างวิหารขึ้นที่วัดนี้เพื่อประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ เนื่องจากวิหารถูกตกแต่งด้วยการเขียนลายคำจนเต็ม จึงถูกเรียกว่า วิหารลายคำ
วัดนี้จึงถูกเรียกใหม่ว่า วัดพระสิงห์ ตามชื่อพระพุทธรูป
จนถึงสมัยพระเมืองแก้ว วัดพระสิงห์ได้รับการบูรณะและสร้างอาคารใหม่อีกหลายหลัง
วัดพระสิงห์ได้รับการบูรณะฟื้นฟูอีกครั้งในสมัยพระเจ้าช้างเผือกธรรมลังกา พ.ศ.2360
ท่านให้บูรณะพระอุโบสถและพระเจดีย์ และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในปีถัดมา สร้างพระพุทธรูปประธานในวิหารหลวงในอีก 2 ปีถัดมา
พระยาคำฝั้น เจ้าหลวงเชียงใหม่ลำดับที่ 3 ให้สร้างกู่ลายขึ้นมาใหม่ตรงบริเวณที่พระเมืองแก้วทรงสร้างไว้ พบโบราณวัตถุมีค่ามากมายระหว่างการก่อสร้าง
วัดพระสิงห์ได้รับการบูรณะอีกหลายครั้งเรื่อยมา เพราะเป็นวัดสำคัญ เช่น
บูรณะวิหารลายคำในสมัยพระเจ้าอินทวิชยานนท์
บูรณะวิหารหลวงในสมัยเจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์
บูรณะหลายรายการโดยครูบาศรีวิชัยและประชาชนชาวเชียงใหม่
บูรณะหอไตรและพระอุโบสถในสมัยเจ้าแก้วนวรัฐ
วัดพระสิงห์ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ได้รับการทะนุบำรุงอย่างดี
สถาปัตยกรรมสำคัญภายในวัดได้รับการบูรณะมาโดยตลอด
ความสำคัญของวัดพระสิงห์ นอกจากจะเป็นสถานที่ตั้งพระเจดีย์บรรจุพระอัฐิของพญาคำฟู กษัตริย์ล้านนาและเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์แล้ว
ด้านสถาปัตยกรรม วัดพระสิงห์มีสถาปัตยกรรมแบบล้านนาที่สำคัญหลายหลังประกอบด้วย
พระธาตุหลวง
พระเจดีย์องค์ปัจจุบันนี้เป็นพระเจดีย์ที่สร้างคร่อมทับเจดีย์องค์เดิม ซึ่งคงเป็นเจดีย์ขนาดเล็กไม่ทราบขนาด ที่ได้รับการบูรณะหลายครั้งตั้งแต่แรกสร้างพร้อมกับการสร้างวัด
ครูบาศรีวิชัยเป็นประธานในการบูรณะพระเจดีย์องค์นี้เมื่อ พ.ศ.2469 มีขนาดสูงสุดที่ยอดประมาณ 25 วา ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างด้านละประมาณ 16 วา
เป็นพระธาตุเจดีย์ทรงล้านนา ทรงเดียวกับพระธาตุหริภุญชัย คือเป็นพระธาตุทรงกลม
องค์ระฆังขนาดเล็กวางบนชั้นมาลัยเถาที่ยืดสูงจนเป็นจุดเน้นจุดเด่นของพระเจดีย์
ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ มีช้างล้อมทั้ง 4 ด้าน ด้านละตัว
เฉพาะส่วนฐานนี้เองที่เป็นจุดที่แตกต่างจากพระธาตุหริภุญชัยซึ่งเป็นฐานสี่เหลี่ยมยกเก็จ ไม่มีช้างล้อม
พระธาตุหลวงวัดพระสิงห์ยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีมะโรงตามความเชื่อของชาวล้านนาอีกด้วย
วิหารแบบล้านนาประยุกต์ที่เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ หรือพระสิงห์
ตัววิหารมีรูปแบบสวยงามได้สัดส่วน ตกแต่งด้วยลวดลายรดน้ำปิดทอง เป็นที่มาของชื่อวิหารลายคำ
ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังสำคัญทรงคุณค่า ที่เขียนเรื่องราวในชีวิตประจำวันของชาวล้านนา ทำให้ทราบถึงวิถีชีวิตของชาวล้านนาเมื่อร้อยปีก่อน
ลักษณะเฉพาะอีกประการของวิหารลายคำคือมีปราสาทก่ออิฐฉาบปูนสร้างอยู่ด้านหลังตัววิหาร มีทางเชื่อมกัน เช่นเดียวกับวิหารวัดปราสาท
ลักษณะเป็นอาคาร 2 ชั้นผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ชั้นล่างเป็นเครื่องก่อ มีลายปูนปั้นเป็นเทวดายืนด้านบน
และด้านล่างมีลายปูนปั้นเป็นรูปสัตว์หิมพานต์
ชั้นบนเป็นเครื่องไม้ มีลายสลักไม้ ลายเขียนและปิดกระจก
หลังคาลดชั้น 2 ชั้น 2 ตับ
อุโบสถสองสงฆ์ เป็นอุโบสถเครื่องไม้แบบล้านนา ขนาดค่อนข้างใหญ่ หลังคา 3 ชั้น มีระเบียงมุขทั้งหน้าหลัง ภายในมีมณฑปปราสาทตั้งอยู่ตรงกลางมีพระพุทธรูปตั้งอยู่ทั้งสองด้านหันหน้าออก ทำให้พื้นที่และประโยชน์ใช้สอยแยกเป็น 2 ส่วน จึงเรียกว่า อุโบสถสองสงฆ์ ส่วนสาเหตุแท้จริงของการสร้างอุโบสถรูปแบบนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด
05 สิงหาคม 2551
วัดหนองแดง
03 สิงหาคม 2551
วัดดวงดี
วัดดวงดีตั้งอยู่กลางเวียงเชียงใหม่ ปรากฎชื่อวัดในพงศาวดารเมืองเชียงใหม่ว่า"เจ้าขี้หุด"เป็นพระวัดนี้ ได้รับนิมนต์ให้ขึ้นครองเมืองเชียงใหม่ เมื่อพ.ศ.2304
พระธาตุวัดดวงดี จัดเป็นพระธาตุทรงล้านนาแปดเหลี่ยม เน้นชั้นมาลัยเถาแปดเหลี่ยมบนฐานสีเหลี่ยมยกเก็จ ทรงเดียวกับพระธาตุดอยสุเทพ มีฉัตรโลหะครอบยอดตามแบบล้านนา
อุโบสถขนาดเล็กกะทัดรัดของวัดดวงดี (สังเกตุเสมาเป็นหลักปูนสี่เหลี่ยมโดยรอบ) ได้รับการบูรณะจนขาดสุนทรียภาพของโบราณสถาน
หอไตรทรงมณฑป ผังสี่เหลี่ยมจตุรัสทรงสวย
วิหารก่อนการบูรณะ
วิหารวัดก็ได้รับการบูรณะในคราวเดียวกับอุโบสถ เรียบร้อยสวยงามแต่ขาดสุนทรียภาพของโบราณสถาน
พระธาตุวัดดวงดี จัดเป็นพระธาตุทรงล้านนาแปดเหลี่ยม เน้นชั้นมาลัยเถาแปดเหลี่ยมบนฐานสีเหลี่ยมยกเก็จ ทรงเดียวกับพระธาตุดอยสุเทพ มีฉัตรโลหะครอบยอดตามแบบล้านนา
อุโบสถขนาดเล็กกะทัดรัดของวัดดวงดี (สังเกตุเสมาเป็นหลักปูนสี่เหลี่ยมโดยรอบ) ได้รับการบูรณะจนขาดสุนทรียภาพของโบราณสถาน
หอไตรทรงมณฑป ผังสี่เหลี่ยมจตุรัสทรงสวย
วิหารก่อนการบูรณะ
วิหารวัดก็ได้รับการบูรณะในคราวเดียวกับอุโบสถ เรียบร้อยสวยงามแต่ขาดสุนทรียภาพของโบราณสถาน
วัดละมุดใน
วัดละมุดใน ตั้งอยู่ที่บางกรวย นนทบุรี อยู่ริมคลองบางราวนก มีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจคือหอไตรและศาลาท่าน้ำ
หอไตรเครื่องไม้กลางสระ สัดส่วนสวยงาม เครื่องลำยองไม้ บานประตูลงรักปิดทองลายพันธ์พฤกษา
ศาลาท่าน้ำเครื่องไม้ ขนาด 2 ห้อง หลังคา 2 ตับ ผุพังไปมากแล้ว แต่ยังเห็นสัดส่วนที่สวยงามได้
ศาลาการเปรียญสร้างใหม่ เป็นศาลาโถงคือไม่มีผนังปิดทึบ
หอไตรเครื่องไม้กลางสระ สัดส่วนสวยงาม เครื่องลำยองไม้ บานประตูลงรักปิดทองลายพันธ์พฤกษา
ศาลาท่าน้ำเครื่องไม้ ขนาด 2 ห้อง หลังคา 2 ตับ ผุพังไปมากแล้ว แต่ยังเห็นสัดส่วนที่สวยงามได้
ศาลาการเปรียญสร้างใหม่ เป็นศาลาโถงคือไม่มีผนังปิดทึบ
วัดโลการาม
วัดสุชาดาราม
วัดสุชาดารามเป็นวัดร้าง ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับวัดพระแก้วดอนเต้า เมืองลำปาง องค์ประกอบในเขตพุทธาวาสยังอยู่ครบ ทั้งพระธาตุ วิหาร และอุโบสถ
ป้ายโบราณสถาน เห็นร่องรอยคำว่า "วัด" นำหน้า แต่ใครคงเห็นว่าเป็นวัดร้าง ไม่มีสภาพวัดแล้ว จึงลบคำว่า "วัด"ออก
วิหารขนาดค่อนข้างใหญ่ หลังคา 3 ชั้น 2 ตับ ระนาบหลังคาอ่อนโค้งเล็กน้อย
วางสิงห์คู่ไว้ในตำแหน่งที่นิยมกันในเมืองลำปาง คือวางชิดตัวอาคารและยกแท่นให้สูงระดับคอสองเหนือประตู อาคารหลังนี้ได้รับการบูรณะแล้ว
อุโบสถที่ยังรอการบูรณะ เป็นอาคารอุโบสถขนาดเล็ก หลังคา 2 ชั้น 2 ตับ มุขหน้าเป็นระเบียงโถง
บันไดนาคใช้จังหวะการทอดตัวของนาคตามแบบที่นิยมกันในล้านนา
พระธาตุเป็นพระธาตุขนาดกลาง รูปทรงอาจเรียกทรงล้านนาได้ แต่ก็มีลักษณะพิเศษบางอย่าง เช่น ชั้นฐานทรงสี่เหลี่ยมยกเก็จนั้นยืดสูงและมีชั้นฐานสี่เหลี่ยมเทินรับอีกชั้นหนึ่งจนกลายเป็นจุดเ่นจุดเน้นขององค์พระธาตุ แทนที่จะเป็นชั้นมาลัยเถาเช่นธาตุทรงล้านนาองค์อื่นๆ
องค์ระฆังขนาดเล็กเทินบนชั้นมาลัยเถาก็ไม่ใช้รูปทรงระฆังคว่ำ แต่เป็นทรงกระบอกผายออกตอนบนเล็กน้อย บัวก็ทำเป็นแบบบัวคอเสื้อ แทนการใช้บัวคาดขวางกลางองค์ระฆังตามแบบล้านนา
ป้ายโบราณสถาน เห็นร่องรอยคำว่า "วัด" นำหน้า แต่ใครคงเห็นว่าเป็นวัดร้าง ไม่มีสภาพวัดแล้ว จึงลบคำว่า "วัด"ออก
วิหารขนาดค่อนข้างใหญ่ หลังคา 3 ชั้น 2 ตับ ระนาบหลังคาอ่อนโค้งเล็กน้อย
วางสิงห์คู่ไว้ในตำแหน่งที่นิยมกันในเมืองลำปาง คือวางชิดตัวอาคารและยกแท่นให้สูงระดับคอสองเหนือประตู อาคารหลังนี้ได้รับการบูรณะแล้ว
อุโบสถที่ยังรอการบูรณะ เป็นอาคารอุโบสถขนาดเล็ก หลังคา 2 ชั้น 2 ตับ มุขหน้าเป็นระเบียงโถง
บันไดนาคใช้จังหวะการทอดตัวของนาคตามแบบที่นิยมกันในล้านนา
พระธาตุเป็นพระธาตุขนาดกลาง รูปทรงอาจเรียกทรงล้านนาได้ แต่ก็มีลักษณะพิเศษบางอย่าง เช่น ชั้นฐานทรงสี่เหลี่ยมยกเก็จนั้นยืดสูงและมีชั้นฐานสี่เหลี่ยมเทินรับอีกชั้นหนึ่งจนกลายเป็นจุดเ่นจุดเน้นขององค์พระธาตุ แทนที่จะเป็นชั้นมาลัยเถาเช่นธาตุทรงล้านนาองค์อื่นๆ
องค์ระฆังขนาดเล็กเทินบนชั้นมาลัยเถาก็ไม่ใช้รูปทรงระฆังคว่ำ แต่เป็นทรงกระบอกผายออกตอนบนเล็กน้อย บัวก็ทำเป็นแบบบัวคอเสื้อ แทนการใช้บัวคาดขวางกลางองค์ระฆังตามแบบล้านนา
พระธาตุลำปางหลวง
พระธาตุลำปางหลวงเป็นพระธาตุสำคัญของเมืองลำปางและล้านนาและเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีฉลูตามความเชื่อของชาวล้านนา วัดนี้ปัจจุบันยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของลำปาง มีนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญมาเยี่ยมเยือนไม่ขาดสาย หาโอกาสถ่ายรูปแบบไม่ติดรถหรือแม่ค้าไม่ได้แล้ว
วัดนี้มีศาลาบาตรหรือระเบียงคดล้อมทั้งเขตพุทธาวาส ซึ่งตั้งอยู่บนเนิน ทำซุ้มประตูและบันไดนาคทอดลงมารับด้านล่างเนิน ทำให้เด่น ซึ่งแบบอย่างนี้พบอีกแห่งหนึ่งในเมืองลำปาง คือที่วัดปงสนุก
พระธาตุลำปางหลวงเป็นพระธาตุขนาดใหญ่ ทรงล้านนา คือเป็นพระธาตุทรงกลมวางบนฐานสี่เหลี่ยมยกเก็จเรือนธาตุจะเน้นช่วงมาลัยเถาสามชั้นมากกว่าองค์ระฆังที่มีขนาดเล็กเทินอยู่เหนือชั้นมาลัยเถา มีบัลลังก์ ปล้องไฉน ปลียอด แล้วครอบด้วยฉัตรโลหะตามแบบเจดีย์ของล้านนา
พระธาตุ วิหารหลวงและซุ้มประตู วางเรียงกันในแกนประธาน พื้นเป็นทรายปรับเรียบ หมายให้เป็นอย่างทะเลสีทันดรตามความเชื่อเรื่องคติจักรวาล
ซุ้มประตูทำลวดลายปูนปั้นวิจิตรสวยงาม
วิหารโถงขนาดเล็กตั้งอยู่บริเวณเดียวกัน ส่วนพื้นลานนั้นทางวัดได้เทพื้นปูกระเบื้องเซรามิคไปแล้วเพื่อความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่ไม่อยากเดินบนทราย
พระอุโบสถหรือโบสถ์
ศาลาบาตรหรือระเบียงคดที่วางล้อมเขตพุทธาวาส
พระธาตุแช่แห้ง
พระธาตุแช่แห้ง เป็นพระธาตุสำคัญองค์หนึ่งของเมืองน่านและล้านนา
เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีเถาะตามความเชื่อของชาวล้านนาด้วย
รูปทรงพระธาตุแช่แห้งเป็นแบบล้านนา คือเป็นพระธาตุทรงกลมวางบนฐานสี่เหลี่ยมยกเก็จเรือนธาตุเน้นช่วงมาลัยเถาสามชั้นมากกว่าองค์ระฆังที่มีขนาดเล็กเทินอยู่เหนือชั้นมาลัยเถา มีบัลลังก์ ปล้องไฉน ปลียอด แล้วครอบด้วยฉัตรโลหะตามแบบเจดีย์ของล้านนา
บริเวณมีศาลาบาตรหรือระเบียงคดล้อมรอบอยู่ ซึ่งการสร้างระเบียงคดล้อมพระธาตุนี้พบไม่มากนักในล้านนา
ภายในพระวิหารที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้
หุ้มแผ่นทองทั้งองค์
พระธาตุแช่แห้งตั้งอยู่บนเนิน มีนาคคู่ทอดตัวยาวลงมารับพุทธศาสนิกชนถึงตีนเนิน ไม่ทำบันไดตามแบบทั่วไป แต่ทำเป็นทางลาดขึ้นไป จึงเรียกไม่ได้ว่าเป็น "บันไดนาค"
เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีเถาะตามความเชื่อของชาวล้านนาด้วย
รูปทรงพระธาตุแช่แห้งเป็นแบบล้านนา คือเป็นพระธาตุทรงกลมวางบนฐานสี่เหลี่ยมยกเก็จเรือนธาตุเน้นช่วงมาลัยเถาสามชั้นมากกว่าองค์ระฆังที่มีขนาดเล็กเทินอยู่เหนือชั้นมาลัยเถา มีบัลลังก์ ปล้องไฉน ปลียอด แล้วครอบด้วยฉัตรโลหะตามแบบเจดีย์ของล้านนา
บริเวณมีศาลาบาตรหรือระเบียงคดล้อมรอบอยู่ ซึ่งการสร้างระเบียงคดล้อมพระธาตุนี้พบไม่มากนักในล้านนา
ภายในพระวิหารที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้
หุ้มแผ่นทองทั้งองค์
พระธาตุแช่แห้งตั้งอยู่บนเนิน มีนาคคู่ทอดตัวยาวลงมารับพุทธศาสนิกชนถึงตีนเนิน ไม่ทำบันไดตามแบบทั่วไป แต่ทำเป็นทางลาดขึ้นไป จึงเรียกไม่ได้ว่าเป็น "บันไดนาค"
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)